เมาส์

Hamutaro - Hamtaro 2

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 5 บทความที่สนใจ

ใบงานที่ 5 บทความที่น่าสนใจ

เทียนหอมใช้ผ่อนคลาย


ที่มา : http://www.bkcandle.com/

ประวัติความเป็นมา


ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์ยังไม่รู้จักวิธีใช้ไฟ รู้จักแต่ความมืดในเวลากลางคืนและความสว่าง ในเวลากลางวัน ต่อมาเริ่มรู้จักการใช้ไม้มาเสียดสีกันให้เกิดความร้อนและเกิดเปลวไฟ และเริ่มใช้ไฟในการหูงหาอาหาร ให้แสงสว่าง และป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายต่าง ๆ และวิวัฒนาการก็เริ่มมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีการใช้ครบเพิงในการให้แสง มีการนำมาใช้ในการติดต่อสื่อสาร 

เห็นได้จาก ไฟในประภาคารที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างยามฝั่งกับเรือและให้สัญญาณต่าง ๆ ระหว่างภูเขาแต่ละลูก และต่อมาในศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำเทียนมาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากไฟมีสัญลักษณ ์ของการเผาผลาญ และความโชติช่วงชัชวาลย์ และมนษย์บางเผาในสมัยนั้นนับถือให้เป็นเทพ ไฟมีการบวงสรวง และประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และตามความเชื่อจะเห็นได้จาก พิธีแต่งงาน ซึ่งมีความหมายของการเริ่มต้น แสงแห่งเปลวเทียนจะนำทางความสว่างไสวไปสู่ชีวิตคู่ ชาวอเมริกันชอบนำทียนไปปร ะดับบนโต๊ะอาหาร แสดงถึงฐานะ ความภูมิฐาน การมีรสนิยมและเพื่อให้เกิดความสว่างไสว 

อีกทั้งแสงสว่างแของเทียน สามรถสร้างบรรยากาศ และดูสวยงามอีกด้วย ในปัจจุบันนอกจากเทียน จะมีความสวยงามแล้วยังมีการนำกลิ่นหอม หรื่อน้ำมันหอมละเหย มาผสมให้ได้กลิ่นตามต้องการ และนอกจากนี้ น้ำมันหอมละเหยยังมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางชนิดจะสามารถรักษาโรคได้ แก้อาการเครียด และทำให้ร่างกายผ่อนคลาย กลิ่นบางชนิดสามารถไล่ยุงได้ น้ำมันหอมละเหยเหล่านี้ได้มาจากการสกัดจากพืช และสมุนไพรทางธรรมชาติ และบางชนิดได้มาจากการสังเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม ด้วยคุณลักษณะที่ได้ จากธรรมชาติ และช่วยรักษาสุขภาพได้ ราคาไม่แพง เหมาะที่จะนำไปเป็นของขวัญของที่ระลึกฝากคนที่คุณรัก เพื่อแสดงความห่วงใยสุขภาพต่อคนที่คุณรัก จุดเด่นของเทียนหอม กลิ่นหอมของน้ำมันหอมละเหยยที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น บางชนิดจะสามารถรักษาโรคได้ แก้อาการเครียดและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย กลิ่นบางชนิดสามารถไล่ยุงได้ น้ำมันหอมละเหยเหล่านี้ได้มาจากการสกัดจากพืช และสมุนไพรทางธรรมชาติ และบางชนิดได้มาจากการสังเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม ด้วยคุณลักษณะที่ได้จากธรรมชาติ และช่วยรักษาสุขภาพได้ ราคาไม่แพง เหมาะที่จะนำไป เป็นของขวัญของที่ระลึกฝากคนที่คุณรัก เพื่อแสดงความห่วงใยสุขภาพต่อคนที่คุณรัก จุดมุ่งหมายที่ตัดสินใจ ขายสินค้าชนิดนี้คือ ความสวยงาม กลิ่นหอมของเทียนที่เมื่อได้กลิ่นแล้วรู้สึกผ่อนคลายอีกทั้งราคาไม่แพง และเป็นเครื่องประดับในห้องได้

ความสำคัญของเทียนหอม


เทียนนอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังมักจะถูกนำมาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับชาวพุทธที่ใช้เทียนในการบูชาพระ และประเพณีการแห่เทียนพรรษาที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนาน ซึ่งแสดงออกถึงวิวัฒนาการด้านศิลปะอีกด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเทียนจะถูกลดความสำคัญลง เนื่องจากการมีไฟฟ้าใช้และป้องกันปัญหาด้านอัคคีภัยจากการใช้งาน แต่ก็ยังมีการใช้เทียนในกิจกรรมด้านต่างๆอยู่ เพราะเทียนเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและแรงบันดาลใจ แสงเทียนสามารถสะท้อนได้ถึงความอบอุ่นและความอ่อนไหวที่แสงจากดวงไฟไม่สามารถทดแทนในส่วนนี้ได้ เสน่ห์ของมันอยู่ที่ความวูบไหวยามที่สายลมพัดผ่าน แท่งเทียนที่ถูกความร้อนหลอมละลายกลายเป็นน้ำตาเทียนที่ไหลหยดย้อยลงมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง


มนุษย์เราเริ่มเรียนรู้การใช้แสงสว่างจากเปลวเทียนด้วยไขมันของสัตว์ ต่อมาได้พัฒนาเป็นไขมันจากพืช ในปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตเลียมและวัสดุปรุงแต่งอื่นๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเทียนให้ดีขึ้น และยังได้มีการนำเทียนมาเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปตามประเภทการใช้งาน หรือกิจกรรมต่างอีกด้วย
เทียนนอกจากจะถูกใช้เพื่อให้แสงสว่างหรือประกอบพิธีกรรมต่าง  ๆ  แล้ว  ยังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านในโอกาสต่าง  ๆ  แตกต่างกันไป
 ดังนั้นจึงอาจจำแนกประเภทของเทียนได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. เทียนทั่วไป (Basic or General Candle)
2. เทียนประดับ (Decorative Candle) ซึ่งอาจจำแนกย่อยได้อีก 3 ประเภท ดังนี้
2.1 เทียนแฟนซี (Fancy Candle) ได้แก่ เทียนที่ทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปผลไม้ ดอกไม้ และสัตว์เป็นต้น

2.2 เทียนหอม (Fragranced Candle) ได้แก่ เทียนที่มีการเติมกลิ่นน้ำหอมผสมลงไปในเนื้อเทียนเมื่อจุดเทียนจะมีกลิ่นหอมทั้งนี้มีประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น เพื่อความหอม และการบำบัด เป็นต้น

ที่มา :  http://www.bkcandle.com/

สรรพคุณของเทียนหอม

  1. เทียนหอมนั้นทำให้มีความสวยงามภายในบรรยากาศต่างๆและสามารถสร้างแสงสว่างให้แก่เราด้วยการจุดไฟ
  2. สามารถใช้และประดับตกแต่งในสถานที่ต่างๆ ซึ่งใช้ในโอกาสต่างๆที่สวยงามและเป็นพิธีมงคล และสถานที่ปกติเพื่อต้องความสวยงาม
  3. ทำเป็นเทียนวันเกิดได้โดยเทียนเหล่านี้เป็นเทียนสวยงาม รู้สึกดีกว่าการใช้เทียนแบบเดิมๆที่เป็นเทียนปกติ
  4. สามารถดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้นั่นเป็นเพราะว่าเทียนหอมนั้นมีกลิ่นที่หอม
  5. สามารถใช้เป็นของชำร่วยในงานเช่น งานแต่งงาน และงานบวชต่างๆ
  6. สามารถจุดไล่ยุงได้ ซึ่งการจุดไล่ยุงนั้นจะเป็นเทียนหอมกลิ่นตะไคร้หอม

กลิ่นของเทียนหอมในรูปแบบต่างๆ

1.เทียนหอมกลิ่นมะลิ

สามารถทำให้เรานั้นมีจิตใจที่ผ่อนคลายทำให้รู้สึกสบายด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของมะลิทำให้รู้สึกสบายไม่เศร้าหมองเป็นกลิ่นที่เหมาะสำหรับงานที่เป็นมงคล

2.เทียนหอมกลิ่นกุหลาบและคลารี่เสจ

เป็นกลิ่นที่สามารถกระตุ้นและผลิตสารชนิดหนึ่งในร่างกายคือ ทาลามัส และมีการผลิตเอนเซปฟาลีนขึ้นมา เพื่อใช้ในการผ่อนคลายอารมณ์ ซึ่งสามารถลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างมาก

3.เทียนหอมกลิ่นมะกรูด

เป็นกลิ่นที่เราสามารถทำจิตใจให้สงบได้ เพื่อการควบคุมอารมณ์ที่ดี และสามารถทำได้ดี สามารถทำให้หลับสบายได้เพราะกลิ่นของมะกรูดนั้นมีสรรพคุณที่สามารถทำให้ผู้ได้รับกลิ่นนั้นรู้สึกสบายใจ

4.เทียนหอมกลิ่น เวตติเวิร์ธ

เป็นกลิ่นที่ให้รู้สึกความหวานของดอกไม้ ทำให้เรารู้สึกสงบนิ่งและมีความสุข ซึ่งที่มาของกลิ่นนี้มาจากรากไม้ คาโมไมล์ ซึ่งคล้ายๆผลไม้จากแอปเปิล

5.เทียนหอมกลิ่นตะไคร้หอม

เป็นเทียนหอมที่มีกลิ่นดีและสามารถไล่ยุงได้ และทำให้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกว่าบรรยากาศเป็นธรรมชาติและด้วยตะไคร้หอมนั้น ยุงจะไม่มาตอมและมากวนใจเราเลย

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ใบงานที่ 4 ข้อสอบเก่า



ใบงานที่ 4 ข้อสอบเก่า


ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2555 (สอบ ม.ค. 2555)        
            - คณิตศาสตร์ คลิกที่นี่ + เฉลย คลิกที่นี่
           - ฟิสิกส์ + เฉลย คลิกที่นี่
           - เคมี + เฉลย คลิกที่นี่
           ชีววิทยา คลิกที่นี่
           - ภาษาไทย คลิกที่นี่
            สังคมศึกษา คลิกที่นี่
          ภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่ + เฉลย คลิกที่นี่

ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2556 (สอบ ม.ค. 2556)

            - คณิตศาสตร์ คลิกที่นี่ + เฉลย ตอนที่ 1 คลิกที่นี่ ตอนที่ 2 คลิกที่นี่
           ฟิสิกส์ + เฉลย คลิกที่นี่
           เคมี คลิกที่นี่
           ชีววิทยา คลิกที่นี่ 
           ภาษาไทย คลิกที่นี่
           สังคมศึกษา คลิกที่นี่
           ภาษาอังกฤษ + เฉลย คลิกที่นี่
ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2557 (สอบ ม.ค. 2557)
           คณิตศาสตร์ คลิกที่นี่ + เฉลย คลิกที่นี่
           ฟิสิกส์ คลิกที่นี่
           เคมี คลิกที่นี่  + เฉลย คลิกที่นี่
           ชีววิทยา คลิกที่นี่
           ภาษาไทย คลิกที่นี่ 
           สังคมศึกษา คลิกที่นี่
           ภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่

ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2558 (สอบ ม.ค. 2558)
           คณิตศาสตร์ คลิกที่นี่
           ฟิสิกส์ คลิกที่นี่
           เคมี คลิกที่นี่
           ชีววิทยา คลิกที่นี่ 
           ภาษาไทย คลิกที่นี่ 
           สังคมศึกษา คลิกที่นี่ 
           ภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่ 


ขอขอบคุณ ที่มา ไฟล์ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ จากแหล่งต่างๆ ดังนี้

          skyDrive รวบรวมไฟล์ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ โดย เอกพล อนันตภูมิ












วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พรบ คอมพิวเตอร์



พรบ.คอมพิวเตอร์

พรบ.เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550      
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า ?พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550?

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ ?ระบบคอมพิวเตอร์? หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
              ?ข้อมูลคอมพิวเตอร์? หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
              ?ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์? หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
             ?ผู้ให้บริการ? หมายความว่า
            (1) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
            (2) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
            ?ผู้ใช้บริการ? หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
?พนักงานเจ้าหน้าที่? หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
?รัฐมนตรี? หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด 1
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 8 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 10 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา 12 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10
(1) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(2) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (2) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 13 ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)(2) (3) หรือ (4)
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา 17 ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(1) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(2) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด 2
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 18 ภายใต้บังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(1) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(3) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา 26 หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(4) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(5) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(6) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(7) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(8) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 19 การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ
(8) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ
(8) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 18 (4) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา 18 (8) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 20 ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา 21 ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 22 ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา 18 ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 23 พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 24 ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา 18 และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 25 ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา 26 ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา 27 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา 28 การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา 29 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐมนตรีมีอำนาจร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
มาตรา 30 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

สรุป พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ..2550 มการประกาศบังคับใช้เมื่อ 18 กรกฏาคม 2550 โดยมีเจตนารมย์ เพื่อ1)กำหนดฐานความผิดและบทลงโทษผู้ที่กระทำผิด, 2) มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 3) กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการ มีบทกำหนดโทษผู้กระทำผิด(ผู้ใช้)ตาม พ..ฉบับนี้

             ต่อมาได้มีการประกาศกระทรวง ICT เรื่องหลักเกณฑ์การรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ เมื่อวันที่  23 .. 2550  และมีการบังคับใช้กับหน่วยงานราชการหลังประกาศ ปี คือตั้งแต่ 23 .. 2551 เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข,กรมต่างๆ สสจ.,รพทุกแห่ง ที่มีระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันภายใน –Intranet และเชื่อมต่อมภายนอกโดย Internet/E-mail/webboardเข้าข่ายเป็นผู้ให้บริการทั้งสิ้น โดยผู้ให้บริการต้องจัดเก็บข้อมูลซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิดต้นทาง ปลายทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้นโดยต้องจัดเก็บข้อมูลจราจร ไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน มีการเทียบเวลา ให้ตรงกับเวลาอ้างอิงสากล (Sratum 0-ผิดพลาดไม่เกิน ๑๐ มิลลิวินาธี)การเก็บรักษาข้อมูล-ระบุตัวบุคคลได้ และต้องเก็บข้อมูลพร้อมกับสำรองข้อมูลด้วย เพื่อสามารถให้ข้อมูลการจราจรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะมีความผิดระวังโทษไม่เกิน 500,000 บาท จึงเกิดผลกระทบกับหน่วยงานทั้งด้านเทคนิคและการบริหารจัดการดังนี้


ฐานความผิด
โทษจำคุก
โทษปรับ
มาตรา ๕ เข้าถึงคอมพิวเตอร์โดยมิชอบไม่เกิน ๖ เดือนไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๖ ล่วงรู้มาตรการป้องกันไม่เกิน ๑ ปีไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๗ เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบไม่เกิน ๒ ปีไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๘ การดักข้อมูลคอมพิวเตอร์ไม่เกิน ๓ ปีไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๙ การรบกวนข้อมูลคอมพิวเตอร์ไม่เกิน ๕ ปีไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๑๐ การรบกวนระบบคอมพิวเตอร์
มาตรา ๑๑ สแปมเมล์
ไม่เกิน ๕ ปี
ไม่มี
ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๑๒ การกระทำต่อความมั่นคง
(๑) ก่อความเสียหายแก่ข้อมูลคอมพิวเตอร์
(๒) กระทบต่อควมมั่นคงปลอดภัยของประเทศ/เศรษฐกิจ วรรคท้าย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต
ไม่เกิน ๑๐ ปี
๓ ปี ถึง ๑๕ ปี
๑๐ ปี ถึง ๒๐
ไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
๖๐๐,๐๐๐-๓๐๐,๐๐๐ บาท
ไม่มี
มาตรา ๑๓ การจำหน่าย/เผยแพร่ชุดคำสั่งไม่เกิน ๑ ปีไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๑๔ การเผยแพร่เนื้อหาอันไม่เหมาะสมไม่เกิน ๕ ปีไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๑๕ ความรับผิดของ Tel Co,ISP,อื่นๆ Internet Access)ไม่เกิน ๕ ปีไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
มาตรา ๑๖ การตัดต่อภาพผู้อื่น ถ้าสุจติต ไม่มีความผิดไม่เกิน ๓ ปีไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท

ที่มา : http://nampo.blogspot.com/2011/01/blog-post.html